บังโมดวลมาเน่ รอบชิงชนะเลิศในศึกแอฟริกันคัพ
บังโมดวลมาเน่ ศึกฟุตบอล แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบรองชนะเลิศ คู่สอง คืนวันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ฟาโรห์” อียิปต์ เจ้าของแชมป์รายการนี้ 7 สมัย รอบก่อนสอยต่อเวลา โมร็อกโก แนวรุกมี “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” พร้อมตะบันนำกรุยทางสู่นัดชิงเจอ เจ้าภาพ “หมอผี” แคเมอรูน ดีกรีแชมป์ 5 สมัย รอบ 8 ทีมทุบ แกมเบีย แดนกลางใส่ “อ็องเดร ซัมโบ้ อ็องกิสซ่า” คุมเกมหวังพาชาติบ้านเกิดชิงดำ
เจ้าภาพหวิดนำนาที 18 นิโคลัส มูมี่ เอ็นกามาเลมู วางเตะมุมด้านขวา มิเชล เอ็นกาดู ลอยตัวโหม่งหน้าประตูบอลชนสามเหลี่ยนคานกระดอนออกมา ภาพรวมทั้งสองทีมแทบสร้างจังหวะเข้าทำประตูไม่ได้ โดยเฉพาะทัพมัมมี่ ยิงไม่ตรงกรอบสักหน หมดครึ่งแรกเสมอ 0-0 ครึ่งหลังนาที 56 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พลาดช็อตสำคัญเมื่อแข้งหมอผีจ่ายคืนหลังมาเข้าทาง ทว่าแข้งหงส์แดงหลุดเดี่ยวดันแตะไม่ผ่าน อังเดร โอนาน่า นายด่านคู่แข่งออกมาสกัดทัน
แคเมอรูนน่าออกนำนาที 68 นิโคลัส มูมี่ เอ็นกามาเลมู หยอดฟรีคิกทางซ้าย เพื่อนร่วมชาติโฉบหลอกโหม่งด้านเสาแรก บอลเกือบซุกตาข่าย แต่มี กาบาสกี้ มือกาวฟาโรห์ล้มตะครุบก่อนเลยเส้นประตู
ช่วงนาที 90 คาร์ลอส เคยรอซ กุนซืออียิปต์ถูกกรรมการชูใบเหลืองเป็นใบแดงไล่พ้นข้างสนราม หลังเจ้าตัวออกแอ็คชั่นท่าทางเกินสมควร จบ 90 นาทีทำอะไรกันไม่ได้เสมอ 0-0 แต่ยืดเวลาอีก 30 นาทีตัดสินแมตช์ก็ยังคงไม่มีทีมไหนพังประตูสำเร็จ เข้าสู่ช่วงดวลจุดโทษ
สุดท้ายเป็นอียิปต์ที่คมกว่า ดวลจุดโทษชนะเจ้าภาพอย่าง แคมเมอรูน ได้ด้วยสกอร์ 3-1 หลุดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกัน เซเนกัล ซึ่งมี ซาดิโอ มาเน่นำทัพ